รีวิว 14 ร้านช็อกโกแลตในเบลเยียม


  รอบนี้พวกเราเดินทางมาที่เบลเยียมเพื่อมาเสาะหาช็อกโกแลตอร่อยๆ ไปเป็นวัตถุดิบของเรา จึงถือโอกาสนำรีวิวร้านช็อกโกแลตประจำบรัสเซลส์มาฝากทุกคนนะคะ

  ด้วยความที่พวกเราชอบกินช็อกโกแลตร้อน และมิลค์ช็อกโกแลตใส่ถั่ว มากกว่าดาร์คช็อกโกแลตหรือพวกพราลีน เพราะฉะนั้นเมนูหลักๆส่วนมากที่ได้ทดลองก็จะเป็นเมนูพวกนี้ค่ะ

  ร้านช็อกโกแลตในบรัสเซลส์นี่น่าจะมีเยอะกว่าร้านกาแฟแน่ๆค่ะ เดินไปที่ไหนก็เจอ หลายๆร้านเป็นร้านเก่าแก่ที่มีหลายสาขามากๆ แถมส่วนมาก บริเวณเดียวกัน จะมีร้านช็อกโกแลตหลายๆร้านติดๆกันเลย เช่นที่ Grand Place หรือ Galleria Royal เพราะฉะนั้น เดินๆไป ถ้าท้องยังไหว ได้ชิมกันหลายร้านแน่นอน (ถ้าไม่จุกไปเสียก่อนนะคะ ^^)

  ตามมาดูกับพวกเราได้เลยค่ะ ว่า 14 ร้านช็อกโกแลตในประเทศเบลเยียมที่เราเอามาฝากมีร้านอะไรกันบ้าง ^-^

14 Chocolate shops in Belgium reviews


*Based on our own experience, preference and opinion.

We’ve come to Brussels, Belgium to find, of course, chocolate for our ingredients, so it’s a great chance to make a quick review of chocolate shops in Belgium.

As our own liking, we love hot chocolate, and prefer milk chocolate bar with nuts to dark chocolate or pralines, so most of the menu we’ve tried would be these mendiants and hot chocolate :d

You’d find more chocolate shops than coffee shops in Brussels, and many of them would have old history and their stories, which I would not cover much. Most of the shops would be in the same area so they would be so easy to find such as around Grand Place or Galleria Royal, so just stroll around and hit one! You’ll get full easily by the fat content in the chocolate, so be sure to spare your tummy for the next chocolate shop :)


1.Neuhaus

  ร้าน Neuhaus ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแรกที่คิดค้นการทำพราลีน (praline) โดยความเดิม Jean Neuhaus ผู้ก่อตั้งซึ่งเป็น apothecary (ผู้ผลิตและขายยาในสมัยก่อน) คิดค้นการซ่อนยาไว้ข้างในเปลือกที่เป็นช็อกโกแลตค่ะ เก๋เนอะ อยากให้กินยาง่ายๆ ก็จับยัดในช็อกโกแลตเล้ยย ต่อมาในปี 1912 หลานของ Jean Neuhaus จึงได้นำไอเดียนี้มาสานต่อจนเป็น belgian pralines ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

  เข้าร้านปุ๊ป เค้าก็ให้ sample มาลองกันเลยคนละชิ้น กินเล่นๆอร่อยดีค่ะ รอบแรกลองสั่ง hot milk chocolate และซื้อมิลค์ช็อกโกแลตบาร์ใส่ถั่วเฮเซลนัทมาทดลอง ตัว hot chocolate ทานตอนหนาวๆนี่มันฟินจริงๆ ของที่นี่จะเป็นการทำแก้วต่อแก้ว คือเอาช็อกโกแลตเป็นชิ้นๆ ใส่กับนมร้อนและก็คนให้ ก็จะเป็นแบบปกติที่เราคุ้นเคยกัน ตัวมิลค์ช็อกโกแลตจะออกหวานหน่อย แต่รวมๆแล้วอร่อยมากๆ เค้ามีแบบดาร์คช็อกโกแลตด้วย เลยมาลองรอบสองก็รู้สึกชอบเหมือนกัน พอได้ลองทั้งสองแบบก็เลือกไม่ค่อยถูกว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน ดีทั้งคู่เลย ส่วนช็อกโกแลตบาร์ใส่ถั่วก็อร่อยค่ะ ไม่ได้หวานมากๆ จนกินแล้วแสบคอ ทำให้กินเพลินๆ ได้มากกว่าปกติ ^^

Neuhaus is known as the first praline inventor since 1912. As originally Jean Nauhaus, the apothecary, used this praline chocolate shell to hide his medicine inside, how nice! We’ve tried their hot chocolate (milk chocolate and dark chocolate) and also their milk chocolate bar with hazelnut. Their hot chocolate is by far my most favourite! I couldn’t decide which one I like better. Basically they would put the chocolate pieces into the cup, pour the hot milk in, stir, and that’s it! It's a very good treat on a cold day in Brussels. The milk chocolate bar with hazelnut is also very good. It is not too sweet, meaning that we could enjoy more of it.


2.Pierre Marcolini

  ร้าน Pierre Marcolini ก็เป็นร้านที่มีชื่อเสียงในการผลิตช็อกโกแลตเช่นกัน และมีหลายสาขามากๆ แต่เนื่องจากว่าเราอยากจะนั่งทานกันมากกว่า ก็เลยไปที่สาขาถนน Sablon ซึ่งจะมีที่นั่งและขนมอีกเล็กน้อย พวกเราสั่ง hot chocolate แบบใส่ครีม และ ไม่ใส่ครีม มาเปรียบเทียบกัน และก็สั่งขนมเค้กมาอีกนิดหน่อย ไหนๆไปแล้วก็อยากชิมขนมเค้าด้วย^^

  สำหรับ hot chocolate ของที่นี่ จะเป็นแบบเข้มข้นสุดๆ สังเกตได้จากขอบแก้วในรูป ว่าช็อกโกแลตนั้นมีความข้นเหนียวมากจนติดเป็นรอยคราบที่แก้วแบบนี้เลยค่ะ ร้านช็อกโกแลตหลายๆ ร้านในยุโรปจะเสิร์ฟ hot chocolate แบบนี้ (เช่น Angelina หรือ Laduree ในปารีส) เพราะฉะนั้น ถ้าคนที่ไม่ชอบอะไรหนักๆจริงๆ อาจจะเข้มข้นไปหน่อยค่ะ แม้แต่ตัว hot chocolate แบบใส่ครีม ที่มีครีมมาช่วยลดความเข้มข้นแล้วก็ยังเข้มข้นกว่า hot chocolate แบบปกติที่หลายๆ คนคุ้นกัน

  สำหรับรสชาติของตัวช็อกโกแลตร้อน ด้วยความที่ร้านนี้คั่วเมล็ดโกโก้เอง ซึ่งคิดว่าอาจจะคั่วแบบอ่อน ทำให้ช็อกโกแลตยังติดความเป็นกรด และมีรสชาติติดเปรี้ยวเยอะกว่าปกติ เพราะฉะนั้น หากใครไม่ใช่สายแข็งจริงๆ ที่ชอบความเข้มข้นจัดๆ และชอบช็อกโกแลตที่ติดเปรี้ยว อาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ถ้าคิดว่าไหว จะมาลองดูก็ได้ค่ะ เพราะลูกค้าที่นั่งสั่งกันเกือบทุกคนเลย (รวมทั้งเราด้วย 555) กินหมดแก้วนี่จุกกันเลย เพราะมันเข้มข้นมากๆ ขนาดพวกเราเป็นพวกที่ชอบทานอะไรเข้มข้นๆ ยังเหนื่อยเลยค่ะ (กินจนเหนื่อย!) สุดท้ายพวกเรายังชอบแบบปกติมากกว่า (คือใส่นมเยอะหน่อย)

  สำหรับรสชาติของขนมเค้ก รู้สึกว่ามันเฉยๆนะคะ มันไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้อร่อยตามที่คาดหวังไว้แบบเวลาไปกินร้านขนม พวกเราเลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ แต่แม้ hot chocolate และขนมจะไม่ค่อยถูกปากเรา เราก็ยังไม่ได้ถอดใจกับร้านนี้ เพราะดูเป็นร้านที่คนชอบมากๆ เราเลยลองซื้อมิลค์ช็อกโกแลตที่มีไส้คล้ายๆอัลมอนด์ฟลอเรนทีนกรอบๆข้างในมาทดลองอีก แต่ว่าตัวไส้ก็เคลือบคาราเมลมาเยอะ บวกกับโดนมิลค์ช็อกโกแลตไปอีกเลยหวานเกินไปหน่อยสำหรับพวกเรา แต่กินไปเรื่อยๆก็หมดนะคะ 5555 คือกลิ่นเนยในอัลมอนด์เฟยตินมันหอมมากค่ะ แต่เสียดายที่มันหวานไปหน่อย แต่ตัวช็อกโกแลตก็อร่อยอยู่นะคะ สรุปว่าพวกเราอาจจะเลือกเมนูผิดก็เป็นได้ค่ะ 555

Pierre Marcolini is one of the most chocolatier in Brussels. There are many locations but mostly are for take away only, so we went to one on Sablon street because we wanted to sit down and relax a bit. We tried their hot chocolate with cream , hot chocolate without cream, chocolate cake, lemon cake, and financier with chocolate chips.

The hot chocolate here is very thick in consistency. It is so rich that the hot chocolate trace still sticks on the cup. From our experience, many hot chocolate shops in Brussels and some shops in Europe offer hot chocolate like this (as Angelina or Laduree in Paris). So if you cannot stand the thickness and the richness of this type of chocolate, you might not like it as much. As they roast the cocoa bean themselves, I guessed they only lightly roasted it, so the chocolate still contains a lot of acidity and the taste comes out a bit sour. So if you’re not a fan of very thick hot chocolate and sour chocolate, this might not be your choice of hot chocolate. But if you do like the richness and the acidity of chocolate, enjoy it, As I’ve seen, everyone ordered one!

I like hot chocolate with cream better than the one without the cream because I’m not a big fan of very thick and sour chocolate so the cream helps a lot in lightening up the taste. Still, finishing the whole cup of hot chocolate here would make you full for a while because it contains a lot of fat content.

Apart from both hot chocolate, we tried chocolate cake, lemon cake, and financier. For our personal liking, we didn’t enjoy it as much. It’s not bad, but doesn’t meet our expectations compared to a good patisserie shop. Lemon cake is our pick from these three.

We have also tried their croustillants in milk chocolate, which I think it’s caramelized almond feuilletine covered with milk chocolate. Though it’s a bit too sweet because it contains caramel plus milk chocolate, it’s very good. The aroma of the ingredients is very pleasant.


3.Laurent Gerbaud

  ร้าน Laurent Gerbaud อยู่ในลิสที่อยากจะลองชิม hot chocolate อยู่แล้ว ไปเจอในงาน Salon du Chocolat พอดีเลยถือโอกาสลองเลย ความเข้มข้นจะไม่ได้หนักเท่าของ Pierre Marcolini แต่จะข้นกว่าของ Neuhaus เล็กน้อย รสชาติออกขมนิดๆ เพราะเป็นดาร์คช็อกโกแลต แต่แอบรู้สึกว่ากลิ่นไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ได้ลอง hot chocolate จากช็อกโกแลตออร์แกนิคจากเปรูหรือเอกวาดอร์ในงานพอดี อันนั้นกลิ่นหอมมากจริงๆ (แต่ก็ราคาสูงมากเช่นกัน เพราะราคาขายขีดละ 8.9 ยูโร หรือกิโลกรัมละ ประมาณ 2800 บาทเลยทีเดียว!) แต่ตัว chocolate mendiant หรือช็อกโกแลตที่เป็นแผ่นๆใส่ถั่ว อันนี้อร่อยมากๆ เป็นหนึ่งในร้านที่พวกเราชอบที่สุดเลย เพราะถึงจะเป็นมิลค์ช็อกโกแลต แต่รสชาติไม่หวานจนเกินไป กินแล้วเพลินมากๆ เลยค่ะ

For somehow, Laurent Gerbaud is in our list for hot chocolate. Luckily that we’ve found the shop in Salon du Chocolat Fair so it was our chance to try it out. We tried the hot chocolate and their mendiants. At the beginning, we were not very thrilled by their hot chocolate. The hot chocolate was not as sweet (Literally, we put a bit more sugar in). The aroma was not as strong too. We’re not so sure if it was because earlier in the fair, we had tried the organic hot chocolate from Ecuador or Peru that it was so good with such strong aroma. (And very pricey too because the retail price for 100 g is 8.9 euro or 89 euro per kilogram!) But nonetheless, their milk chocolate mendiants are one of my most favourite! Their milk chocolate is not as sweet as normal milk chocolate (we’re milk chocolate people :P). We can have these on and on. Later on, we also found Laurent Gerbaud hot chocolate in Maison Dandoy, which I still enjoyed, but still not on the top of my list.


4.Godiva

  ถึงแม้ร้าน Godiva จะมีสาขาที่เมืองไทยแล้ว และหาทานได้ทั่วๆไปมากขึ้น แต่เมื่อเรามาถึงถิ่นก็อดที่จะลองไม่ได้ เพราะมีเมนูที่เป็น fresh chocolate ที่ทำขึ้นในร้าน ก็เลยลองซื้อช็อกโกแลตใส่ถั่วมาลองซักหน่อย แต่พอลองแล้วก็รู้สึกว่าเป็นรสชาติมาตรฐานของ Godiva ค่ะ >.< ถ้ามาเบลเยียมแนะนำว่าไปลองร้านอื่นๆ ดีกว่าค่ะ จะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ กับรสชาติใหม่ๆ กันนะคะ

There are tons of Leonidas stores in Brussels. Some like Leonidas, some don’t because it’s not as ‘artisanal’ as one would expect as it’s going global. But we love leonidas! Taste-wise, quality-wise, their chocolate is what we would adore (or maybe it’s from our childhood memories). Their hot chocolate is also very good (one branch near Grand Place has it), and I think the one I’ve tried was even richer in chocolate than one in Neuhaus because in Leonidas, you would have the already prepared hot chocolate in a dispenser, while in Neuhaus, it also depends on the staff who would put more or less milk in your cup, which would affect the viscosity and density of your hot chocolate). Overall, their chocolate is good. Great souvenirs for everyone.


5.Leonidas

  ร้าน Leonidas ก็อาจจะเป็นอีกร้านที่หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกัน เพราะมีในหลากหลายประเทศ แค่ในบรัสเซลส์ก็มีหลายสาขามากๆแล้ว และถึงร้านนี้จะดูเป็นร้านระดับแมสกว่าร้านอื่นๆ เพราะเป็น global brand ไปแล้ว แต่เราก็รู้สึกชอบ ทั้งรสชาติ คุณภาพวัตถุดิบ เรียกว่าถ้าคิดอะไรไม่ออก เอาของ leonidas ไปฝากคนได้ไม่ผิดหวังค่ะ

  เราเข้าไปในงาน Salon du Chocolat ได้ชิมช็อกโกแลตสดๆ ที่ทางเชฟเพิ่งทำ อร่อยดีค่ะ เราเลยอุดหนุนช็อกโกแลตเค้ามาซะหน่อย กินเพลินๆดีค่ะ (ตัวมิลค์ช็อกโกแลตอาจจะหวานนิดนึงนะคะ) สำหรับ hot chocolate ก็อร่อยเลยนะคะ จะมีความข้นกว่า Neuhaus นิดๆค่ะ ช็อกโกแลตทุกชนิดของที่นี่จะใช้โกโก้บัตเตอร์ 100% ตัวไส้ของพราลีนก็จะผลิตจากวัตถุดิบสดทั้งหมด กลิ่นที่ได้ก็จะมาจากธรรมชาติ รวมทั้งวัตถุดิบต่างๆก็จะเป็นแบบธรรมชาติมากที่สุด โดยในปี 2013 ทางร้านได้รับการรับรองให้เป็นร้านช็อกโกแลตที่ใช้ในวังอีกด้วยค่ะ

Though Godiva is now global and you could find it almost anywhere, we would like to try their freshly made in the store chocolate anyway. We tried their chocolate mendiants. Well, it’s Godiva standard. If you’re in Belgium, we would recommend trying some other chocolatiers to experience new aroma and experiences.


6.Galler Chocolatier

  ร้าน Galler Chocolatier เป็นร้านเก่าแก่อีกร้าน และในบรัสเซลส์มีแค่สาขาเดียวตรง Grand Place ร้านนี้จะเป็นร้านที่ผลิตช็อกโกแลตขึ้นมาเองจากเมล็ดโกโก้ซึ่งมาจากหลากหลายประเทศในแอฟริกาใต้ ทั้ง กาน่า ไอวอรี่โคส กัวเตมาลา ฯลฯ เพราะฉะนั้น กลิ่นและรสชาติของที่นี่ก็จะไม่เหมือนใครจริงๆ ที่นี่จะไม่มี hot chocolate แต่เราได้ลองช็อกโกแลตใส่ถั่ว (mendiants) ด้วยความที่มีการผสมถั่วต่างๆ ลูกเกด ทำให้มีรสชาติอื่นๆมารวมด้วย กินแล้วอร่อยๆ เพลินๆ ค่ะ ของที่นี่ มิลค์ช็อกโกแลตก็ทำไม่หวานมาก กินได้ง่ายๆเลย ตัวดาร์คช็อกโกแลตก็จะไม่ขมมาก ไม่หวานมาก ทานได้เพลินๆอีกเช่นกัน ตัวไวท์ช็อกโกแลต ก็ดีค่ะ เรียกว่ากินได้เรื่อยๆไม่หยุดเลยค่ะ หมดเร็วมาก เรียกว่าเป็นอีกร้านที่ชอบอันดับแรกๆของพวกเราเลย ก่อนกลับก็แวะไปซื้อช็อกโกแลตสอดไส้ต่างๆกลับมาอีก ทานเพลินๆ มากๆค่ะ เขียนสั้นไม่ได้แปลว่าไม่ดีนะคะ ^^

Galler chocolatier is another chocolate shop with a long history (Well, almost every chocolate shop in Brussels is old!). There’s only one Galler branch in Brussels near Grand place. One thing we like is that Galler makes chocolate themselves from the beans from Ghana, Ivory coast, Guatemala etc., which you would find that their aroma is quite unique. We tried their mendiants and it’s one of our most favourite. Though their chocolate is not so strong, we like how we could enjoy all flavours of milk chocolate, dark chocolate, and white chocolate. Normally, dark chocolate would be bitter, which we don’t prefer, and for milk chocolate, many times we would find it’s too sweet. Galler chocolate is not too sweet and not too bitter so we could enjoy them on and on!


7.Elisabeth Chocolatier

  ร้าน Elisabeth chocolatier เป็นอีกร้านดังแห่งบรัสเซลส์สาขาไม่เยอะ แต่ก็ไม่น้อย อยู่ในแหล่งที่หาได้ง่าย พวกเราได้ลองช็อกโกแลตใส่ถั่วฮาเซลนัท อร่อยๆค่ะ จริงๆลองกินแต่ตัวมิลค์ช็อกก็อร่อยนะคะ ไม่ได้หวานจ๋อย แล้วถั่วก็เคลือบคาราเมลมา เลยอร่อยเป็นพิเศษ ฮิๆๆ แต่ถ้าโดนถั่วและคาราเมลเยอะก็อาจจะหวานหน่อยค่ะ จริงๆมีอีกหลายรสเลย แต่เนื่องจากเราต้องชิมช็อกโกแลตจากหลายร้านมากๆ เลยทำให้ชิมได้แค่ไม่กี่อย่าง ส่วนตัวชอบเหมือนกันค่ะ ประมาณ top 5 555 (เค้ามีเมอแรงเคลือบช็อกโกแลตให้ชิมด้วย แต่กลิ่นคาวไข่ค่อนข้างเยอะ อันนี้ไม่ค่อยปลื้มค่ะ)

Elisabeth Chocolatier is quite new compared to those for more than a hundred year, nonetheless, it’s making its name these years. They have few branches in Brussels, near Grand Place and across the Manneken Pis. We tried their milk chocolate with hazelnut and it was delish! Milk chocolate combined with caramelized hazelnut couldn’t go wrong. I like how their milk chocolate is not so sweet, but if you get too much caramelized hazelnut, it could be a bit sweet. We get to try only one menu because we have so much more to go on, too bad. After all, it’s my top 5 chocolate shop. (We also tried their meringue with chocolate but I don’t really like the egg white aroma)


8.Chocolatier Mary

  ร้าน Chocolatier Mary เป็นอีกร้านที่มีประวัติเก่าแก่ ที่คนก่อตั้งเป็นผู้หญิง และได้ใช้เสิร์ฟในวังอีกด้วย ร้านนี้มีสาขาพอควรในบรัสเซลส์หาไม่ยากเท่าไหร่ ตั้งใจจะไปกิน hot chocolate ที่สาขาตรง Royal Galerie แต่ดั๊นเครื่องเสีย เลยได้แต่ซื้อมิลค์ช็อกโกแลตใส่ถั่วกลับมา รู้สึกว่าของที่นี่จะแพงกว่าคนอื่นนิดหน่อย เพราะส่วนมากที่ซื้อจะถุงละประมาณ 10 ยูโร แต่ของที่นี่ 13 ยูโร (หนักกว่ารึเปล่านี่ไม่แน่ใจค่ะ เพราะถุงไม่ได้บอกปริมาณ) กินแล้วหวานไปนิด สรุปว่าก็อร่อยดีแบบเบลอๆ ไม่ได้เด่นเป็นพิเศษในความรู้สึกพวกเราค่ะ คือไม่ใช่ไม่อร่อยหรอกนะคะ ไม่ได้แย่เลยค่ะ แต่พวกเราชิมกันมาเป็นสิบๆร้าน เลยมีตัวเปรียบเทียบเยอะค่ะ

Chocolatier Mary is another artisanal chocolatier since 1919 and is a Belgian Royal Warrant Holder since 1942. We wanted to get the hot chocolate in Royal Galleria but the machine was broken so we only tried their milk chocolate with nuts. I personally think it was a bit sweet. It was good, but good in general, not exceptional. Not that it was not good, but just because we’ve tasted a lot of chocolate from so many shops, so this one didn’t really stand out for us.


9.Wittamer

  จริงๆ ร้าน Wittamer นี้เป็นร้านขนมและเบเกอรี่ และจัดว่าเป็นอีกร้านที่ได้รับการรับรองว่าได้รับการใช้ในวัง ซึ่งก็มีคนพูดถึงเหมือนกันว่าช็อกโกแลตอร่อย พวกเราเลยไปลองช็อกโกแลตเคลือบถั่วมา ก็กินเพลินๆดีค่ะ ออกหวานๆหน่อย อร่อยดีค่ะ สาขาอยู่ที่ Sablon อยู่ไม่ไกลจาก notre dam ถ้าใครผ่านมาก็แวะมาลองได้นะคะ ส่วนตัวถ้าไม่ได้ต้องผ่านมาแถวนี้ ของร้านอื่นก็อร่อยเหมือนกันค่ะ แฮร่ (ที่ผ่านมาก็อร่อยเกือบทุกร้านเลย >.<) แต่ๆๆ คุกกี้ช็อกโกแลตของที่นี่อร่อยดีค่ะ เนื้อออกร่วนๆนิดๆ แต่กลิ่นหอมเนยและโกโก้มากๆ ส่วนตัวติดใจคุกกี้มากกว่าช็อกโกแลตอีกค่ะ :D

Wittamer has been a boulangerie in Sablon since 1910 and also got a royal warrant. Some people say that their chocolate is also good so we went and tried their nuts covered with chocolate. It’s pretty good actually but not a must for us because other chocolate shops would also have something ‘this good’ (Well, almost every shop we visited would have something we like). But, at our enjoyment, their chocolate cookies were really really good. The texture is not too crunchy and the cocoa and butter aroma was divine.


10.Passion Chocolate

  ร้าน Passion Chocolate เป็นร้านที่มีสาขาเดียวในตัวเมือง อยู่ที่ Sablon ถัดจาก Wittamer ไปนิดนึงค่ะ เป็นร้านเล็กๆ ที่มีคนแวะเวียนไปพอควร (จากตอนที่พวกเราไป) ส่วนมากจะขายพราลีน แต่เราไม่ได้เน้นพราลีนเท่าไหร่ เลยได้มิลค์ช็อกโกแลตบาร์ใส่ถั่วแมคคาเดเมียมา ปรากฏว่ามันอร่อยมากกก คือถั่วกับช็อกโกแลตปกติกินคู่กันก็หยุดไม่ค่อยได้กันอยู่แล้วใช่ไหมคะ ทีนี้เค้าอบถั่วแมคคาเดเมียมาค่อนข้างเข้ม ทำให้ได้กลิ่นหอมของถั่วมากๆ แถมเม็ดใหญ่มากๆเลย แล้วสัดส่วนของมิลค์ช็อกโกแลตกับถั่วก็ไม่ได้เยอะมาก ทำให้เวลากินรสชาติไม่ได้หวานมาก บาร์นี้แทะเล่นได้เพลินๆๆสุดๆไปเลย น่าจะเป็นตัวที่กินรวดเดียวเกือบหมดเลยหละค่ะ ให้คะแนนเต็ม 10 ไปเลยย

Passion Chocolate has only one location in Sablon next to Wittamer. It’s a small shop with lots of customers coming in and out while we visited. Mostly they would sell pralines, but we prefer just the milk chocolate and nuts so we tried their milk chocolate bar with macadamia. To our surprise, it was really really really good!! Normally you couldn’t resist chocolate with nuts, right? They also roasted the macadamia really well that it gave such a strong aroma of the roasted nuts, plus the proportion of the chocolate and the nuts was really good, so it doesn’t get too sweet by the chocolate. We finished the whole bar in no time. 10 out of 10 for this holy bar!


11.Chocopolis

  ร้าน Chocopolis เป็นอีกร้านที่ผลิตช็อกโกแลตขึ้นมาเองจริงๆ มีการสาธิตการทำช็อกโกแลตให้ดูด้วยในบางวัน หลักๆจะเน้นขายพราลีนมากกว่า พวกช็อกโกแลตบาร์ใส่ถั่วมีแต่แบบเศษๆ เราเลยลองพราลีนมานิดหน่อย เป็น milk chocolate ganache ก็โอเคค่ะ อร่อยดี แต่พวกเราไม่ใช่แฟนชอบพราลีน จะซื้อพวกบาร์ก็ดูไม่ค่อยน่าลองเท่าไหร่ เพราะถั่วที่ใส่เหมือนเป็นเศษๆโรยๆ สรุปว่าก็เป็นร้านที่พวกเราไม่ได้ปลาบปลื้มอะไรเท่าไหร่ค่ะ ^^

Chocopolis is known for making their own chocolate and it gives a little workshop or demo of making chocolate. They mostly sell pralines, and their chocolate bar didn’t look so tempting for us, so we tried some of their pralines. We tried their milk chocolate ganache and it turned out fine. But again, we’re not a big fan of pralines, so this shop is not among our favourites.


12.Planet Chocolat

  ร้าน Planet chocolat ก็เป็นร้านที่มีชื่ออีกร้านนึง พวกเราเดินผ่านพอดีเลยแวะชิมซักหน่อย ลอง hot chocolate กับวาฟ-เฟิลไป ตัว hot chocolate จะออกจางๆหน่อยค่ะ คือเหมือนใส่ช็อกโกแลตน้อยไปนิด แต่ด้วยความจางก็ทำให้กินได้เรื่อยๆดีค่ะ แต่ก็ยังไม่ใช่ร้านโปรดของเรา ส่วนวาฟเฟิลนี่ขอไม่ให้ผ่านค่ะ ตัวแป้งมันเหนียวๆแล้วไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ แต่ร้านนี้ลองสั่งพราลีนที่เป็นเฮเซลนัทมาลองก็อร่อยดีค่ะ สรุปก็คิดว่าถ้าเป็นช็อกโกแลตปกตินี่ก็อร่อยอยู่นะคะ

Somehow, we came across this name and know that they also provide some workshop or demo at some certain time. We came across this store by chance, so we got to try their hot chocolate, waffle and hazelnut pralines. Their hot chocolate was a bit light as they put too less chocolate. It’s easy to drink but I wish it would be more concentrated. Their waffle is a no-no, but their hazelnut pralines was pretty good actually. So our guess is that their normal chocolate would be just fine. Don’t do the waffle and the hot chocolate.


13.Corne Port-Royal

  ร้าน Corne Port-Royal ก็จัดว่าเป็นร้านเก่าแก่อีกร้าน (เก่าแก่ทู้กกร้าน) เข้าไปลอง mendiant เหมือนเดิมค่ะ ก็อร่อยดีค่ะแต่มิลค์ช็อกโกแลตมันหวานไปนิด บวกกับพวกถั่วก็ไม่ได้สุกเลยแอบมีติ่งของกลิ่นถั่วดิบอยู่ค่ะ เรียกว่าถ้าไม่ได้เทียบกับหลายๆร้านก็คงโอเค แต่พอเราทดลองมาหลายๆร้าน เลยไม่ใช่ร้านโปรดของเราซักเท่าไหร่ค่ะ

Corne Port-Royal also has a longg history since 1932 (Well, almost every shop in Belgium has a long history :P). We, again, tried their mendiants. It was OK as, well it was good, but not extraordinary. The raw nuts gave some aroma, which some people will not like. Again, not that it was not good, but because we have tried so many stores, so this one is not among one of our favourites.


14.Sigoji

  มาถึงร้านสุดท้าย ร้าน Sigoji ที่เป็นร้านที่เด็ดที่สุด เพราะช็อกโกแลตของเค้าอร่อยมากๆๆ พวกเราบังเอิญเจอในงาน Salon du Chocolat พอดี น่าเสียดายที่ไม่มีในบรัสเซลส์ร้าน Sigoji จะอยู่ในเมือง Ciney ซึ่งสามารถทำช็อกโกแลตแผ่นบางๆ ที่สอดไส้คาราเมลได้ด้วยค่ะ อันนี้แหละทีเด็ดเลย! พวกเราก็ไม่แน่ใจนะคะว่าใช้เทคนิคยังไง แต่อร่อยม๊ากกก ซึ่งช็อกโกแลตของที่นี่ก็ได้รางวัลมาหลายรางวัล (พวกเราก็อ่านชื่อรางวัลไม่ออก แหะๆๆ) เอาเป็นว่าถ้าใครบังเอิญได้แวะเวียนไปแถวๆเมือง อย่าลืมแวะร้านนี้นะคะ

Though this is the last shop that we gave the review, Sigoji was THE BEST of all!! Their chocolate was heavenly. We came across Sigoji in Salon du Chocolat fair and it's too bad that they don’t have a shop in Brussels. Their store is in Ciney. Our favourite is their thin chocolate filled with caramel. We don’t know the technique they used but it was so so so good. They also won several chocolatier awards for the past couple of years. So by any chance that you visit Ciney, be sure to visit Sigoji.


จบแล้วค่ะ รีวิวแรกของพวกเรา หวังว่าจะถูกใจคอช็อกโกแลตกันนะคะ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่า แล้วถ้าเราเจอร้านขนมอร่อยๆ หรืออะไรที่น่าสนใจสำหรับคนชอบขนมอย่างพวกเรา พวกเราจะนำมาฝากกันอีกนะคะ ^^

* Praline/พราลีน = ช็อกโกแลตที่เป็นคำเล็กๆ ที่มีเปลือกแข็งที่ทำมาจากช็อกโกแลต สอดไส้ด้วยรสชาติต่างๆ เช่น ถั่ว คาราเมล ผลไม้

* Mendiant = แผ่นช็อกโกแลตที่โรยหน้าด้วยถั่ว หรือผลไม้แห้งต่างๆ

*บทความนี้เขียนจากประสบการณ์ ความชอบ และความคิดเห็นส่วนตัวของพวกเราขณะนั้นเท่านั้นนะคะ และบทความนี้เป็นบทความสงวนลิขสิทธิ์ค่ะ

And here comes the end of our first blog with all 14 chocolate shop reviews in Belgium. Thank you for visiting our blog. If there’s any mistake, we’re sorry for that and please feel free to contact us for correction. If we come across anything interesting for a sweet tooth like us, we’ll surely share it with you.

* This article is based on our own experience, our own liking/preference and our own opinion at the moment

* This article is copyrighted